พุ่มพวง ดวงจันทร์

แม้ว่า ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ จะเสียชีวิตไปกว่า17ปีแล้ว ทว่า ความขัดแย้งวุ่นวายในครอบครัวที่มีมาตั้งแต่ตอนเธอยังมีชีวิตก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ราวกับละครชีวิตเรื่องยาวที่ผู้เขียนยังหาบทสรุปไม่เจอ

สำหรับคนที่เกิดไม่ทัน ลองมาทบทวนเรื่องราวต่างๆในชีวิตพุ่มพวงทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าวว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น

เล่ากันว่า หลังจากแจ้งเกิดในวงการลูกทุ่ง ชีวิตของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ เด็กสาวที่ไม่รู้หนังสือคนนี้กลับไม่ได้สวยงามอย่างที่ใครๆคิด

เมื่อเธอต้องรับหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ของครอบครัว ที่มีพ่อ แม่ พี่น้องรวม12คน รวมถึงญาติพี่น้องใกล้ชิด ที่ต้องคอยช่วยเหลือเจือจุน เธอจึงรับทำงานทุกอย่างที่มีเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้ง งานร้องเพลง ออกเทป งานแสดงหนัง ละคร งานโชว์ตัว ฯ

ขณะนั้น พุ่มพวงมีแฟนคนแรก คือ ธีระพล แสนสุข แต่ระหว่างที่เธอกำลังเทใจทุ่มกับงานอย่างเต็มที่ ธีระพลเริ่มปันใจให้กับสลักจิต ดวงจันทร์ น้องสาวของเธอ(นอกจาก พุ่มพวง ยังมี จันทร์จวง ดวงจันทร์ ดวงใจ ดวงจันทร์ และสลักจิต ดวงจันทร์ น้องสาวพุ่มพวงก็เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งเช่นกัน) จึงทำให้ความรักของทั้งคู่จบลง โดยยังคงร่วมงานกันอยู่ในด้านธุรกิจ จนเมื่อปี 2530 ธีระพล แสนสุข ก็ถูกน้องชายพุ่มพวง ดวงจันทร์ ยิงตาย

แม้จะยังอายุไม่มาก แต่การโหมงานอย่างหนักจนแทบไม่ได้พักก็ทำให้สุขภาพของเธอไม่สู้ดี ทำให้บางคนกล่าวหาว่า ครอบครัวเธอไม่ดูแล แถมยังจัดคิวงานแบบไม่มีหยุดและยุ่งเกี่ยวกับรายได้ของเธออีก

กระทั้ง ในปี พ.ศ. 2527 พุ่มพวงพบรักกับ ไกรสร ลีละเมฆินทร์ อดีตพระเอกภาพยนตร์ ที่ใช้ชื่อในวงการว่า ไกรสร แสงอนันต์ จดทะเบียนสมรสกัน มีบุตรชายชื่อ สันติภาพ (ต่อมาเปลี่ยนชือเป็น สรภพ) หรือ เพชร หรือ บ่อยบ๊อย ลีละเมฆินทร์ ซึ่งก็เป็นนักร้องลูกทุ่ง

ระหว่างนั้นเอง ก็เกิดเหตุพิพาทกันขึ้นระหว่าง ญาติพุ่มพวง กับ ไกรสร สามี คล้ายกับเกิดการแย่งตัว พุ่มพวงเกิดขึ้น

ข่าวบอกว่า แม่และน้องๆของเธอไม่ชอบคุณไกรสร และคัดค้านการอยู่ด้วยกันของทั้งคู่ โดยกล่าวหาคุณไกรสรต้องการจะเอาลูกมาผูกมัดพุ่มพวง อีกทั้งเมื่ออยู่กินกับกัน ไกรสรก็เลิกงานแสดงไปเลย จึงดูคล้ายกับว่าเกาะภรรยา

ด้าน คุณไกรสรก็ตอบโต้ว่า คุณพุ่มพวงมีลูกมีสามีก็คงอยากแบ่งเวลามาให้ครอบครัว ทางญาติๆคุณพุ่มพวงก็ควรจะให้เธอพักบ้าง เพราะช่วยเหลือกันมานานแล้ว

ที่สุดแล้วจึงดูราวกับเป็นการแย่งชิงผลประโยชน์ของตัวเองกันมากกว่า เนื่องจากที่ผ่านมาสัญญาต่างๆทางครอบครัวเป็นคนจัดการให้คุณพุ่มพวงตลอด ซึ่งหลังจากแต่งงานไปแล้วก็เป็นสามีที่เข้ามาดูแลให้ จนเป็นชนวนเหตุแห่งความขัดแย้งในภายหลังเพราะต่างฝ่ายต่างก็อ้างว่าพุ่มพวงถูกอีกฝ่ายเอาเปรียบ โดยการบังคับหรือหลอกให้เซ็นสัญญาที่มีผลประโยชน์แอบแฝงหลายครั้ง

ต่อมาพุ่มพวงฝึกหัดเขียนหนังสือจนสามารถเขียนชื่อตัวเองได้ เพื่อประโยชน์ทางนิติกรรมต่าง ๆ ในปี พ.ศ. 2530

ช่วงนั้นมีข่าวพุ่มพวงระหองระแหงกับสามีอยู่หลายครั้ง ที่แรงสุดๆก็คือสามีเธอพาลูกหนีไปอยู่เชียงใหม่ ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มป่วยเป็นโรคไตขั้นรุนแรง จนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถเบิกเงินจากธนาคารเพื่อมารักษาตัวเองได้ (มีอยู่ 6 ล้านบาท) เพราะสมุดบัญชีอยู่กับไกรสรที่เชียงใหม่

ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจสั่งอายัติเงินทั้งหมด ต่อมา 20 มีนาคม เธอเดินทางจากเชียงใหม่ เข้ารักษาตัวเองที่โรงพยาบาลตากสิน จันทบุรี และย้ายไปที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์ตรวจพบว่าเธอป่วยด้วยโรคเอสแอลอหรือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง(สมัยนั้นไม่มีใครรู้จัก พอมีคนเป็นก็จะเรียกว่า โรคพุ่มพวง) อาการอยู่ในขั้นรุนแรงลุกลามถึงไต

3 เมษายน แพทย์เจ้าของไข้เปิดเผยว่าพุ่มพวงอาการดีขึ้น ญาติของพุ่มพวงมีความเห็นว่าควรรักษาด้วยไสยศาสตร์ เพราะคิดเชื่อว่าถูกปองร้ายด้วยไสยศาสตร์ด้วยวิธีการคุณไสย

ที่สุดในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เธอก็เกิดอาการช็อค หมดสติ และเสียชีวิตลงในวัยเพียง30ปี

กระนั้น กรณีพิพาทที่วุ่นวายที่สุดก็เกิดขึ้น 14 มิถุนายน พ.ศ. 2535 นางเล็ก แม่ของพุ่มพวงให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ก่อนเสียชีวิตไม่นานว่า พุ่มพวงได้เล่าเหตุการณ์และความรู้สึกบีบคั้นโดยเฉพาะเรื่องในครอบครัวลงใน เทปลับหนึ่ง ต่อมาเทปถูกคัดลอกเพื่อออกจำหน่ายในชื่อ บันทึกลับพุ่มพวง ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงถึงสามี? ไกรสรจึงยื่นฟ้องศาลและศาลได้ระงับการจำหน่าย

จากการเปิดเผยของสื่อและผู้ที่เกี่ยวข้องพบว่า มรดกของเธอมากมายล้นหลามมีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท รายละเอียดคร่าวๆมีดังนี้

หยกสร้อยคอล้อมเพชร 1 เส้น

แหวนหยกล้อมเพชร 1 วง

กำไลหยกล้อมเพชร 1 วง

นาฬิกาโรเล็กซ์ล้อมเพชร 1 เรือน

นาฬิกาฟรีเวย์ล้อมเพชร 1 เรือน

นาฬิกาคาร์เพียร์สายสองกษัตริย์ 1 เรือน

นาฬิกาลองยิ้นล้อมเพชร 1 เรือน

ไพลินล้อมเพชร 1 เส้น

แหวนพลอยแดงล้อมเพชร 1 วง

เลสข้อมือล้อมเพชร 1 เส้น

สร้อยข้อมือทับทิม 1 เส้น

แหวนเพชรวงละ 1 กะรัต 5 วง

เหรียญ ร.5 ล้อมเพชร หนัก 4 บาท

สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท

พระสมเด็จวัดปากน้ำรุ่น 1 ติดอยู่กับสร้อยคอ

สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น

สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น

สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมพระสมเด็จนางพญาเลี่ยมทอง 1 องค์

แหวนเพชรรูปหัวใจ 1 วง

นอกจากนั้น ยังมี บ้าน ที่ดิน รถบัส รถเก๋งส่วนตัว และอีกจิปาถะรวมๆ แล้ว ว่ากันว่ามรดกพุ่มพวงรวมกันมีมากกว่า 50 ล้านบาท

ญาติของพุ่มพวงและไกรสรจึงเกิดความขัดแย้งกันอย่างหนักอีกครั้ง มีการกล่าวหากันไปมาทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายญาติของพุ่มพวง แฉว่า ไกรสรกลับไปคืนดีกับอดีตภรรยา ส่วน ไกรสร กล่าวหาว่าอีก เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะทางฝ่ายญาติพุ่มพวงต้องการได้ ส่วนแบ่งมรดกทั้งหมด 80 ล้านบาท

ต่อมา นางเล็กยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมด ทว่า ไกรสรยื่นคำร้องต่อศาลคัดค้าน หลังจากนั้นนายสำราญ (พ่อของพุ่มพวงซึ่งหย่าจากนางเล็กแล้ว)ก็ออกมาคัดค้านอดีตภรรยาเนื่องจาก นางเล็ก(แม่ของพุ่มพวง) อ่านหนังสือไม่ออก แต่ไม่นานก็ถอนคำร้อง

สรุปศาลได้สั่งให้ไกรสรและนางเล็กเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ทรัพย์สมบัติจึงแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่ากัน ส่วนแรกเป็นของไกรสร อีกส่วนเป็นกองกลาง โดยมีเจ้าของ 4 คนคือ นายสำราญ นางเล็ก ไกรสร และลูกชาย สันติภาพ ทุกคนจะได้รับเท่ากัน แต่หากพบว่าสมบัติใดพบหลังการแบ่งแล้ว จะยกให้ ลูกเพชร สันติภาพ เพียงผู้เดียว

อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งก็มาเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ เพชร ลูกชายคุณพุ่มพวงทะเลาะกับนายไกรสร บิดา อย่างรุนแรง จนหนีออกจากบ้านไปอยู่กับแฟนที่อ้างว่ารู้จักกันในอินเทอร์เน็ต โดยลูกเพชรให้เหตุผลว่าถูกพ่อบีบบังคับและคอยบงการชีวิตตลอด

ส่วนนายไกรสรก็ได้ตอบโต้ว่าลูกถูกคนที่เจอกันทางอินเทอร์เน็ตหลอก จนเมื่อไปเจอหน้ากันในรายการตี10ก็ยังถกเถียงกัน นายไกรสรนำเอกสารทางการเกิดไปโชว์ในรายการพร้อมทั้งพูดทำนองว่าเขารักลูกชายมากกว่าพุ่มพวง ด้านลูกเพชรก็ตัดพ้อในเชิงว่าพ่อไม่รักแม่ และยังคงโกรธเรื่องที่พ่อกล่าวหาว่าเขาถูกผู้หญิงหลอก

2 มิถุนายน 2552 นายสรภพ ลูกชายพุ่มพวงอุปสมบทให้พุ่มพวง ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จ.พิษณุโลก มี นางสุพรรณี สุประการ มารดาบุญธรรม และนางบุญ สุประการ ผู้เป็นยาย ร่วมเป็นเจ้าภาพในพิธีอุปสมบท โดยในงานมีการตั้งโต๊ะรับบริจาคเงินสมทบทุนสร้างหุ่นขี้ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ หุ่นที่ 7 โดยประชาชนที่บริจาคเงิน 100 บาท จะได้รับ แผ่นซีดีเพลงที่ นายสรภพ ขับร้องไว้ในชื่ออัลบั้ม บทเพลงเพื่อแม่ผึ้ง และมีเพลงที่พุ่มพวงร้องสดเป็นครั้งสุดท้าย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552 พระลูกเพชรได้เดินทางไปร่วมงานรำลึกคุณพุ่มพวงที่ วัดทับกระดาน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี จนพบกับนายไกรสรและญาติพี่น้องของพุ่มพวง ซึ่งพ่อและญาติบางคนก็เพิ่งรู้

ในวันนั้นเองก็เกิดการโต้เถียงอย่างรุนแรงระหว่างพระลูกเพชรกับไกรสรและญาติฝ่ายพุ่มพวง ในกรณีการจัดสร้างหุ่นขี้ผึ้งพุ่มพวง เนื่องจากทางฝ่ายพ่อและญาติแม่เห็นว่าพระลูกเพชรอาจถูกหลอก เพราะบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อคน ซึ่งอาจจะนำเงินที่ได้จากแฟนเพลงไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

พระลูกเพชร พยายามอธิบายว่าเจตนาแค่อยากสร้างหุ่นรูปเหมือนแม่แค่นั้น ถ้าหากยอดบริจาคครบพอก็จะปิดทันที ยืนยันว่าไม่มีเงินรั่วไหลไปเข้ากระเป๋าใครแน่ แต่ทางญาติๆก็ไม่ฟังบอกว่าเป็นพระให้เงียบไว้ จนพระลูกเพชรบันดาลโทสะ พร้อมกับตะโกนออกมาว่า

“พ่อฆ่าแม่” “ยายไม่รักแม่” “ทุกๆคนฆ่าแม่” พร้อมกับชี้มือไปทางญาติๆ

ทางฝ่ายญาติๆหลายคนก็โกรธจึงตะโกนเถียงกลับมา มีบางคนตรงเข้าไปจะลงไม่ลงมือ วุ่นวายไปหมด สุดท้ายพระลูกเพชรและคณะก็ได้เดินทางออกจากงานไป

สองวันถัดมา พระลูกเพชรออกรายการข่าวเช้า โดยเปิดเทปลับก่อนตายของพุ่มพวง ที่มีเนื้อหาตัดพ้อว่าระหว่างที่ป่วยถูกสามีทอดทิ้ง ไม่เคยมาดูแลเลย ส่วนพระเพชรก็เผยว่าตอนที่แม่ป่วยนั้น พ่อพาไปเยี่ยมแค่2ครั้งเท่านั้น

เย็นวันถัดมาไกรสรและแม่รวมถึงน้องๆของคุณพุ่มพวงก็แถลงข่าวทั้งนํ้าตายกมือไหว้ขอโทษพระลูกเพชร โดยขอให้พระลูกเพชรกลับตัวกลับใจ พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าพระลูกเพชรกำลังโดนฝ่ายแม่ยายหลอก ซึ่งอาจเลยเถิดถึงขั้นกำลังโดนของไสยศาสตร์

บทความโดย เอ็มไทยด็อทคอม