ประวัติ มกราคม วันกองทัพไทย

วันยุทธหัตถี 18 มกราคม วันกองทัพไทย

Home / วันสำคัญ / วันยุทธหัตถี 18 มกราคม วันกองทัพไทย

วันยุทธหัตถี หรือ วันกองทัพไทย

ในวันที่ 18 มกราคมนี้ วันกองทัพไทยเป็นอีกวันหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเป็นวันที่องค์พระนเรศวรมหาราชได้ทำการยุทธหัตถีและ มีชัยชนะต่อสมเด็จพระมหาอุปราชาของพม่า เมื่อวันจันทร์ เดือน 2 แรม 2 ค่ำ ซึ่งตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 ด้วยประวัติศาสตร์อันนี้เอง ทำให้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 กำหนดให้วันที่ 18 มกราคมของทุกเป็น เป็นวันยุทธหัตถี หรือ วันกองทัพไทยนั้นเอง

เหล่าทหารสวนสนามในวันกองทัพไทย
เหล่าทหารสวนสนามในวันกองทัพไทย

สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษตริย์ไทยลำดับที่ 18 แห่งราชอาณาจักรศรีอยุธยา เสด็จพระราชสมภพที่เมืองพิษณุโลก ปีเถาะ พ.ศ. 2098 ทรงมีพระสมเด็จพระมหาธรรมราชธิราชเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์สุโขทัยองค์แรกที่ครองกรุงศรีอยุธยาเป็นพระบิดา และมีพระวิสุทธิกษัตรี เป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิอีกด้วย

ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่า องค์พระนเรศวรได้ถูกนำเป็นองค์ประกัน ณ เมืองหงสา และได้ร่ำเรียนวิชาความรู้ ความสามารถต่างๆ เพื่อรอวันที่จะได้กลับมากู้ชาติกุ้แผ่นดินอีกครั้ง แต่ด้วยความกตัญญูของสมเด็จพระนเรศวร ที่มีต่อพระเจ้าบุเรงนอง ที่ชุบเลี้ยงดูแลจนเติบใหญ่ จึงไม่ทำการขัดขืนใดๆ เมื่อพระเจ้าบุเรงนองยังมีชีวิตอยู่
แต่ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าบุเรงนอง สมเด็จพระนเรศวรได้กลับมาปกครองยังพระนครกรุงศรีอยุธยา และด้วยวิชาความรู้และความสามารถของพระองค์ ได้ทำการรบข้าศึกต่างๆ และชนะเรื่อยมา จนเป็นที่เกรงกลัวของข้าศึกเป็นอย่างมาก

ยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

จนกระทั้งวันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรได้ทำการยุทธหัตีกับสมเด็จพระมหาอุปราชาของพม่าและเอาชนะได้ในที่สุด โดยการยุทธหัตถีนั้น หมายถึงการต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นการต่อสู้ของกษัตริย์เพราะต่อสู้ตัวต่อตัว ตัดสิ้นแพ้ชนะกันที่ความคล่องแคล่ว แกร่งกล้า และผู้ใดที่ทำการยุทธหัตถีชนะ จะได้รับการยกย่องพระเกียรติยศสูงสุดอีกด้วย

และอีกเหตุการณ์หนึ่งของพระนเรศวรมหาราชคือการยิงปืนข้ามแม่น้ำสโตงถูกสุรกรรมาจนตาย ต่อมาเมื่อมีพระชนมายุ 35 พรรษา พระมหาธรรมราชา พระบิดาสวรรคต พระองค์จึง เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ และได้ทรงสถาปนาพระเอกาทศรถเป็นพระมหาอุปราชา แต่ให้มีพระเกียรติสูงเสมอพระเจ้าแผ่นดินอีกองค์หนึ่ง ครั้นพระชนมายุ 37 พรรษา ก็ ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชา พระชนมายุ 40 พรรษาเสด็จ ยกทัพไป ตีเมืองเขมร และแม้แต่ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนมชีพ พระองค์ก็ยังอยู่ในระหว่างการยกทัพไปตีเมืองอังวะ แต่เกิดประชวรเป็นหัวระลอก (ฝี) ที่พระพักตร์และเป็นพิษจนเสด็จสวรรคตเสียก่อนในปีพ.ศ. 2148 รวมสิริพระชนมายุได้ 50 พรรษา ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา 15 ปี